ธุรกิจอะไร ? ที่คนรวยติด 10 อันดับของประเทศเค้าทำกัน | วิเคราะห์ หาความน่าสนใจของการเปลี่ยนแปลงอันดับตลอด 3 ปีที่ผ่านมา Thailand’s Richest

0

THE PAIN : 

  • จริงๆแล้วไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร ก็รวยได้ทั้งนั้น แต่มหาเศรษฐี Top 10 ของไทย ทำไมยังเป็นคนหน้าเดิมๆ อยู่ ?   
  • ในช่วงปี 2014 – 2016 มีการเปลี่ยนแปลงอันดับ ที่น่าสนใจ เป็นข้อบ่งบอกว่า ธุรกิจอะไรกำลังมาแรง หรือธุรกิจอะไรกำลังสั่นคลอน

THE MIND : 

 

พอดีผมได้มีเวลานั่งย้อนไปดูอันดับคนรวย ตั้งแต่ปี 2014 – 2016 มาแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงของอันดับที่น่าสนใจ เลยอยากเอาแง่มุมที่เห็นมาเล่าให้ฟังดูว่าทิศทางของกลุ่มคนเหล่านี้ที่เป็นนักธุรกิจระดับ Top ของไทยจะเป็นยังไงต่อไปในอนาคต ก่อนเริ่มเรามาดูก่อนว่า ธุรกิจทั้ง 10 ของคนที่รวยที่สุด มาดูของปี 2016 กันก่อนว่ามีอะไรกันบ้าง


ขอบคุณแหล่งข้อมูล : Forbes Thailand

จากรูปด้านบนเห็นว่าส่วนใหญ่จะเป็น ด้านบริโภค ซึ่งก็ไม่ค่อยหน้าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะคนเราก็ต้องกิน และธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ด้านบนก็ค่อนข้างมีความหลากหลาย นั่นแปลว่าทุกคนสามารถโกยเงินจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจที่ตนเองถนัดได้เป็นอย่างดี คราวนี้เรามาหาความน่าสนใจของอันดับมหาเศรษฐีเหล่านี้กัน 

 

THE POINT 1
แต่ลองสังเกตดูอันดับที่ #4 กระทิงแดง ($9.7B) กับ #5 ธุรกิจไทยประกันชีวิต ($4B) ตัวเลข จำนวนเงินต่างกันถึง 1 เท่าตัว สรุปได้ว่า ถึงธุรกิจที่ติด Top 10 เข้ามาจะมีหลากหลายธุรกิจก็จริง แต่มันยังมี Gap ช่องว่างระหว่างธุรกิจแบบปกติ กับ ธุรกิจประเภทบริโภค อยู่ค่อนข้างเยอะ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพอีกคน คือธุรกิจของ คุณตัน ICHITAN ที่ทำธุรกิจเครื่องดื่มอยู่ไม่นานมาก (เทียบกับคนอื่นๆ) คุณตัน ก็ขึ้นมาติดอันดับ #48 ของมหาเศรษฐีประเทศไทยในปี 2016 ได้

หลังจากที่ดูปีปัจจุบันเสร็จสิ่งที่ผมทำต่อคือลองย้อนไปดูปีเก่าๆ ต่อว่ามีอะไรน่าสนใจมั้ย ? และนี่เป็นของปี 2015 ครับ โดยเปรียบเทียบคู่มากับปี 2016 เลย

 

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : Forbes Thailand, terrabkk.com

สำหรับ 4 อันดับแรก TOP 4 ของเราก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน ยังเป็นคนเดิมอยู่ เรามาดูในส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงกัน ปี 2015 #5 ช่อง 7 อันดับตกลงมา โดยมี #6 ธุรกิจไทยประกันชีวิตขึ้นไปแทนที่ ถ้าไปดูข้อมูลของจำนวนเงิน พบว่าทั้งปี 2015, 2016 เงินของ #6 ธุรกิจไทยประกันชีวิต มีจำนวนเงินเท่าเดิมคือ $4.0B แต่ว่า ธุรกิจของช่อง 7 เงินลดลงมาจาก $4.7B ในปี 2015 เหลือแค่ $3.3B ในปี 2016

THE POINT 2
การที่ธุรกิจสื่อ ช่อง 7 ตกต่ำลงมา น่าจะมาจาก 3 ข้อหลัก 

1. ธุรกิจสื่อวิ่งจาก Offline ไปสู่ Online 
2. TV Digital ใช้เงินลงทุนเยอะ แต่ผลลัพธ์ ROI อาจจะไม่ดีตามคาด
3. ช่วงธุรกิจทีวีต้องปรับตัวเยอะ อาจจะมีการใช้เงินลงทุนเพื่อทำการปรับตัวเยอะ
สรุปได้ว่าทีวีตอนนี้อาจจะเป็นขาลงและทางช่อง 7 ก็รู้ดีในเรื่องนี้เลยต้องทำทุกวิถีทางเอาตัวรอดในทุกๆด้าน เพราะถ้าไปลองอ่านตัวเลขย้อนหลังดู กำไรของ TV Digital ช่อง 7 ในปี 2015 ลดลงจากปีก่อนถึง 50% 

THE POINT 3
ส่วนอันดับที่ #7 เบียร์สิง ปรับตัวลงมาสลับที่กับ #9 Duty Free ข้อนี้มองง่ายๆ น่าจะเกิดจากการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาโตสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2016 ยอดตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวก็โตเพิ่มอีก +4%
ขอบคุณข้อมูลจาก : prachachat.net


ทำให้ธุรกิจที่ได้ผลพลอยได้อย่าง Duty Free เติบโตตามไปด้วย ส่วนเบียร์สิงห์ น่าจะเป็นการลงทุนใหม่ซักส่วนมาก จากที่เราได้ยินข่าวจะมีการเปิดตัวธุรกิจ Realesate และมีการออกสินค้าใหม่ ซึ่งน่าจะต้องใช้เงินลงทุนเยอะ



 

 

 

สุดท้ายแล้ว คือมาดูอันดับเปรียบเทียบของปี 2014 กัน อันนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย คือ TOP 4 ของเรามีการสลับตำแหน่งกันอย่างมีนัยสำคัญ

 ขอบคุณแหล่งข้อมูล : Forbes Thailand, terrabkk.com


จากภาพปี 2015 เห็นว่าตระกูลจิราธิวัฒน์ เครือ Central ตกลงมาอยู่อันดับ #3 โดดเจ้าสัว CP และเจ้าสัวเจริญ แซงทางโค้งขึ้นไปอยู่อันดับที่ #1 และ #2

THE POINT 4
จากข้อมูลตัวเลขจำนวนเงินของ 3 อันดับแรกเป็น ดังนี้

ธุรกิจ 2014 2015 2016
ตระกูลจิราธิวัฒน์ $12.7B $12.3B (-0.4) $13.0B (+0.7)
เจ้าสัว CP $11.5B $14.4B (+2.9) $18.5B (+4.1)
เจ้าสัวเจริญ ThaiBev $11.3B $13.0B (+1.7) $13.7B (+0.7)


พบว่าในปี 2015 ตระกูลจิราธิวัฒน์ โดยทั้ง 2 เจ้าสัวแซงทางโค้ง แปลว่าธุรกิจ Retail ค้าขายช่วงนั้น ยังปกติอยู่ ไม่ได้มีอะไร แต่นัยสำคัญอยู่ที่การมาของธุรกิจ CP และ ThaiBev ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการบริโภคทั้งสิ้น โดยเฉพาะ CP ที่โตขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็น่าจะมาจากการที่ CP เป็นธุรกิจที่ทำเรื่องการกิน การใช้ แถมยังมีทั้ง 7-11 อีก แล้วทีม Research ก็ไม่หยุดพัฒนาออก Product ใหม่ๆ อยู่ตลอด แม้ทาง Central  เองจะมีการวางแผนไปเปิดธุรกิจที่ต่างประเทศ แต่การลงทุนอสังหา ใช้เงินเยอะ กว่าจะออกดอกออกผลคงต้องใช้เวลา

สรุป ธุรกิจของประเทศเราส่วนใหญ่คนที่รวยๆ ก็จะไม่หลุดธุรกิจอสังหา อาหาร เครื่องดื่ม แต่ด้วยความรวดเร็วของเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้บางธุรกิจที่ยืนหยัดมาได้เป็นสิบๆ ปีก็สั่นคลอน เพราะฉะนั้น ใครปรับตัวเร็ว ตอบความต้องการของผู้บริโภค (Customer need) ได้ ก็จะอยู่ได้อย่างเติบโตและมั่นคง

Comments

comments

Share.

About Author

วิเคราะห์ แชร์แนวคิดและมุมมองด้านธุรกิจ การตลาด ด้วยแนวคิด แบบวิทยาศาสตร์ เชื่อว่า ความรู้ทุกสิ่งไม่มีผิด ไม่มีถูก อยู่ที่ประสบการณ์ที่ได้เจอ และมุมมองที่กลั่นกรองออกมาได้

Leave A Reply